เคล็ดไม่ลับที่ทำให้ J.I.B. โตอย่างก้าวกระโดด มากกว่า 140 สาขา
สวัสดีครับ ผมเวช คนเดิมครับ วันเสาร์ที่ผ่านมา (18 มีนาคม 2560) ได้มีโอกาสไปงาน แกะรอยร้อยล้าน ที่ Central World ผมเข้าไปฟัง แล้วเจอคนที่น่าสนใจมากๆคนหนึ่ง คือ พี่จิ๊บ แห่ง J.I.B. ร้านขาย Computer ที่หลายๆคนรู้จักกัน หรืออาจจะเคยเป็นลูกค้าด้วยซ้ำนะครับ
ทีนี้อะไรที่ทำให้ผมสนใจ จนกระทั้งหยิบขึ้นมาแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ไม่มีอะไรมากกว่าสิ่งที่ฟังแล้วทุกคนสามารถทำตามได้ สามารถเติบโตได้อย่างพี่จิ๊บ ผมขอเล่าประวัติ คร่าวๆเท่าที่ผมจำได้ให้ทุคนฟังก่อนละกันครับ
พี่จิ๊บเป็นคนนครศรีธรรมราช แถมยังเคยเป็นนักมวยไทยด้วยครับ (อันนี้ผมก็พึ่งรู้จากในงานนี่แหละครับ 555) แล้วพอพี่เค้าได้เข้าทำงาน SCB ก็ไม่ได้ต่อยมวยต่อละ
พี่จิ๊บก็จบมาทางด้านคอมพิวเตอร์ และพี่เค้าก็เป็นคนที่ชอบคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน ช่วงที่พี่เค้าทำงานอยู่ SCB เพือนๆ ที่ทำงานชอบให้พี่เค้าจัดคอมให้ พาไปซื้อที่พันธ์ทิพย์ พี่เค้าไม่ได้บวกอะไรพาไปซื้อ แต่ทีนี้พอมันมีปัญหาเนี่ยพี่เค้าก็ต้องรับช้วยดูแลให้ ทั้งๆที่ไม่ได้อะไร แล้วเจอแบบนี้บ่อยๆพี่เค้าก็ เปลี่ยนเป็นใครจะฝากซื้อ ไม่ต้องละ พี่เค้าขอค่าช่วยจัดการ ค่าประกอบให้ แถมถ้าเครื่องมีปัญหาพี่เค้าดูแลให้ 1 ปี ตรงนี้แหละคับ เริ่มเป็นที่มาธุรกิจที่โตมาจนทุกวันนี้
ระหว่างนั้นช่วง 2 ปีที่พี่จิ๊บได้ทำแบบนี้ พี่เค้าได้มีคนมาให้ประกอบคอมให้ถึง 300 เครื่องเลยทีเดียวครับ แล้ววันนึงขะตาก้อเปลี่ยนผัน พี่ที่พันธ์ทิพย์คนนึงได้บอกพี่จิ๊บว่า เค้ากำลังจะเปิดร้านที่ Zeer รังสิต ช่วยไปอุดหนุนที่ร้านใหม่ด้วย พี่เค้าก็ไปช่วยอุดหนุน ทีนี้พี่เค้าเจอโอกาสนึงขึ้นมา คือ พื้นที่ว่างให้เช่าถูกๆเต็มเลย พี่เค้าก็เลยลาออกจากงานประจำแล้วไปเปิดร้านที่ Zeer (ทำไมที่ไม่ไปเปิดร้านที่พันธ์ทิพย์ เพราะว่า ค่าเซ้งค่าเช่าตอนนั้น แพงชนิดที่เรียกว่า มือใหม่ไม่สามารถกระโดดเข้าไปได้เลยทีเดียวครับ) พี่จิ๊บเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินประมาณ 200,000 บาท
ซึ่งหลายคนคงรู้ว่า ไม่ได้เยอะเลย แล้วพี่เค้าทำยังไงให้ร้านดูน่าเชื่อถือ เคล็ดลับ คือ ช่วงที่ก่อนเปิดร้าน พี่จิ๊บขอไปฝีกงานที่ร้านที่ Zeer ที่ชวนไปซื้อของนั่นแหละครับ ไม่ทำตอนเย็น + เสาร์อาทิตย์ ไม่คิดค่าแรงด้วย นอกจากจะได้ประสบการณ์แล้ว ยังได้ขอกล่องเปล่ามาด้วย (ไม่ได้ฟังผิดนะครับ) พี่เค้าเอากล่องเปล่าๆนี่แหละมาใส่ร้านทำให้ดูเต็มๆ ที่นี้ร้านก็ดูดี น่าเชื่อถือขึ้นมาได้แล้ว เงินทุนที่มีก็เอาไปซื้อของมาใส่ตู้กระจกหน้าร้านเท่านั้นเอง
ถึงตรงนี้ บางคนอาจจะงง ว่า อ่าวววว!!! ของมีนิดเดียว ที่เหลือกล่องเปล่า ทั้งนั้น แล้วจะดำเนินธุรกิจยังไงฟระ ผมจะเล่าต่อครับ
ถ้าหลายคนนึกออก แต่ก่อนเวลาเราซื้อคอมเนี่ย มันเป็นคอมประกอบ ที่เราต้องเลิอก CPU, Mainboard, Ram, HDD และอื่นๆเข้ามา สิ่งที่พี่เค้าขายได้แม้จะไม่มีของเลยคือ พี่เค้าให้คำปรึกษา เลือก Spec ให้ลูกค้าเสร็จ พอตัดสินใจจะซื้อ ก็บอกลูกค้าว่า อีก 1 ชั่วโมงครึ่ง มารับคอมพิวเตอร์ได้ ทำให้มีเวลาไปวิ่งตัดของมาจากร้านอื่นๆได้อีกทีนึง จริงนี้ทำให้ไม่ต้องลงทุนในของมากเท่าไหร่ แต่การทำแบบนี้ก็มีปัญหาอยู่เหมือนกัน คือ หลักจากที่ เขียนใบ Spec เนี่ย ลูกค้าจะเอาใบนี้ไปให้ร้านอื่นดูเพื่อเทียบราคา (ตอนนั้นผมก็ทำครับ 555) พี่จิ๊บจะบอกว่า ถ้าร้านอื่นให้ถูกกว่า กลับมาหาพี่เค้า จะลดราคาให้ แน่นอนเลยว่า ร้านอื่นต้องให้ราคาถูกกว่าอยู่แล้ว เพราะพี่จิ๊บก็ไปตัดขอร้านพวกนั้นมาแหละครับ แต่ลูกค้าจะนึกได้ว่า พี่เค้าจะลดราคาให้ ลูกค้าก็จะกลับไปหา เพราะว่าช่วงที่เขียน Spec ให้เนี่ย พี่จิ๊บให้คำแนะนำดี ต่างกับร้านอื่นๆ ที่เอาแค่ราคาไปเทียบ
ตรงนี้ให้ความรู้สึกว่าถ้าพี่จิ๊บลดราคาให้เนี่ย แล้วยังได้การดูแลแบบนี้ น่าจะดีกว่า ลูกค้าก็กลับไปต่อราคา แต่พี่จิ๊บก็ไม่ได้ให้ราคาเท่ากับที่ร้านนั้นให้ โดยให้เหตุผลว่า ร้านผมเล็กกว่า คงไม่สามารถลดให้ได้จนเท่า แต่ถ้าซื้อกับพี่เค้า พี่เค้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี เช่น ถ้าส่วนต่าง 1,000 บาท พี่จิ๊บจะลดเพิ่มให้แค่ 300 บาทเท่านั้นเอง ลดให้เพิ่มแค่นี้ก็สามารถปิดการขายแล้ว เพราะการดูแล ให้คำปรึกษานั่นแหละครับ
และแล้วก็มาถึง #เคล็ดไม่ลับ ที่ผมจั่วหัวมาตั้งแต่แรกกกกกกก (นึกให้มันมีเสียงก้องๆนะคับ)
พอเริ่มอยู่ตัว พี่จิ๊บก็เริ่ม #ขยายสาขา จนกระทั่งเคยมีมากสุด ประมาณ 180 สาขาเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้การมีหลายสาขาสามารถบริหารจัดการได้ นั่นคือ พี่เค้าเขียน #ระบบบริหารจัดการ ขึ้นมาใช้เองที่ร้าน #เห็นสต็อก #เห็นยอดขายแบบ #Realtime ซึ่งเป็นสิ่งที่ #ดีงามมาก ตรงนี้ทำให้การบริหารร้านเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม คือ
#DeadStock น้อยมาก รู้ว่าอะไรควรสั่ง อะไรไม่ควรสั่ง พี่จิ๊บยังบอกว่า ร้านเพื่อนๆเค้า บางครั้งของยังมีอยู่เลย แต่ไม่มีระบบ สุดท้ายก็สั่งเพิ่มเข้ามาทั้งๆ ที่ยังเหลืออยู่ ทำให้ #Stock #บวม อย่างไม่จำเป็น ทีนี้อย่าลืมว่า ขายคอมไม่ได้เป้นอะไรที่ margin เยอะแยะเลย การสต็อกบวมนับว่าเป็นหายนะ อย่างแท้จริง
รู้ #กำไร #ขาดทุน ได้ทันที คุณลองนึกดูครับว่า ร้านของพี่จิ๊บ ที่ Central พระราม 2 ค่าเช่าเดือนละเป็น 1,000,000 บาทเนี่ย (วันละสามหมื่นกว่าบาท) คุณต้องบริหารขนาดไหน ถ้าคุณทำได้แค่ สรุปยอดท้ายๆวันแล้วล่ะก็ ระหว่างวันนั้น คุณจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลยทีเดียวล่ะครับ เช่น พี่จิ๊บพอเข้าไปดูแล้ว ยอดไม่น่าจะถึงเป้ารายวัน พี่เค้าก็สามารถเพิ่มค่าคอมเพื่อจูงใจ น้องๆในร้านได้เลย พอแก้ไขแล้วการจะทำให้วันนั้นมียอดเข้าไป ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ช่วงแล้วสาขาไหนล่ะที่ #ขายดีที่สุด แน่นอนว่าไม่พ้น #ออนไลน์
ย้อนไปช่วงที่พี่เค้าเปิดสาขาเยอะๆ พี่เค้าเจอคนนึง เข้ามา #disrupt เปลี่ยนโลกกันเลยทีเดียว คนนั้นชื่อ Steve Jobs Iphone Smart phone เปลี่ยนโลกเลยทีเดียว ทำให้โลกออนไลน์ Ecommerce คึกครื้นขึ้นมา ประกอบกับ การเปิดร้านมาก บางครั้งหลายๆสาขา ในเดือนเดียวเนี่ย ทำให้พนักงานไม่ได้คุณภาพมากพอ บางร้านเริ่มขาดทุน ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาเหมือนกัน พี่เค้าเลยตัดสินใจง่ายๆว่า ร้านไหนขาดทุนให้ปิดซะ กลับมาที่ผู้อ่าน ลองนึกตามนะครับ หากว่าไม่มีระบบที่ดีพอ กว่าจะรู้ว่าร้านไหนมีแนวโน้มขาดทุน คงต้องรอให้เข้าเนื้อแล้วจริงๆเท่านั้น แถมยังไม่ใช่เข้าเนื้อนิดเดียวด้วย คงเป็นแผลใหญ่เลยทีเดียว
ปัจจุบัน J.I.B. มีสาขาประมาณ 140 สาขา โดยสาขาที่ผมบอกว่าขายดีที่สุดเนี่ย ได้สร้างยอดขายให้ ถึง 10% ของยอดขายทั้งหมดและยอดขายที่ได้นับเป็น อันดับ 2 ของเมืองไทยเลยทีเดียว รองจาก Lazada เท่านั้น
#เคล็ดไม่ลับอีกแล้ว ที่ทำให้ลูกค้า หรือ ตัวผมเองเลือกซื้อกับ J.I.B. คือ #ส่งด่วน #ส่งเร็ว ตรงนี้แหละที่ทำให้ลูกค้าบางส่วนไม่ไปซื้อกับ Lazada เพราะ Lazada ส่งใน 2-5 วัน ต้องมานั่งลุ้นว่าจะได้ของวันไหน แต่ J.I.B. ส่งใน 4 ชม. ครั้งแรกที่ผมได้เป็นลูกค้าบอกตามตรงว่า ผมไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้น ส่งวันถัดไปผมก็โอเคแล้ว แต่นี่สั่ง 10 โมง ส่ง ถึงผมบ่าย 4 โมงเย็น โคตรประทับใจ
ยังไม่พอ ตอนนี้มีส่งแบบ #โคตรด่วน คือ เพิ่ม 500 บาทได้ของเร็วมาก ถ้าจำไม่ผิด 2 ชม. มั้ง ถ้าผิดขออภัย ลองคิดดู มีคนสั่ง external harddisk 1,500 บาท เพิ่มค่าส่ง 500 บาท ยังจะให้ส่งด่วนอีก
เทรนต่อไปที่ J.I.B. จะทำคือ OmniChannel ช้อปจากมือถือ แล้วไปรับที่สาขาได้เลย หรือว่า เลือกของที่สาขาแล้วให้ของไปส่งถึงที่บ้านได้เลย โดยให้ประสบการณ์การช็อปปิ้งของลูกค้า หรือ ที่ผมเรียกว่า Customer Journey ไม่ต้องสะดุด
ผมสรุปให้ว่าอะไรที่จะทำให้ ธุรกิจของคุณเดินต่อไปได้
– #ระบบที่ดี สามารถช่วย #ลดต้นทุน และ #ต่อยอด ได้ตามที่ใจอยากคิดเลย
– Service Mind เป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งเราไม่ได้ซื้อของที่ราคาถูกที่สุด แต่เราซื้อของที่เติมเต็มความพอใจมากที่สุด บางทีการแข่งขันด้านราคา อาจจะทำให้คุณขายของไม่ได้ก็เป็นได้ การทำธุรกิจต้องสร้าง Service ให้เป็นจุดแข็งของธุรกิจเราให้ได้
– ทุกคนควรมีเว็บไซต์ ถึงอาจจะมีการขายผ่าน Platform อื่น หรือ Marketplace อื่น คุณก็ยังควรมี Website อยู่ดี
– หากมี logistics ที่ดี คุณก็ Win ในตลาดออนไลน์ ที่เน้นการแข่งขันด้านราคาได้
สุดท้าย 4 คำที่พี่จิ๊บนิยามให้กับร้าน J.I.B. คือ สวย รวย เก่ง นิสยดี
– สวย หมายถึง ร้านสวย น่าเชื่อถือ
– รวย หมายถึง สินค้ามีให้เลือกอย่างครบครัน
– เก่ง หมายถึง พนักงานขายเก่ง ให้คำปรึกษากับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
– นิสัยดี หมายถึง ซื่อสัตย์
อ่านแล้ว ถ้าใครคิดว่า #ชิวิตนี้ชั้นต้องมีระบบ แต่ #เขียนโปรแกรมไม่เป็น ผมจะบอกว่าก็ไม่เห็นต้องไป #เขียนโปรแกรมเอง ให้ #Commerzy #ช่วยจัดการ ให้เราเป็นระบบบริหารร้านให้คุณละกัน บอกตามตรง #จ้างเขียนเองหลักล้าน ให้คุณได้ใช้ในราคา #หลักหมื่น แถมยังมี #Support #ทักมาเที่ยงคืน #ตอบเที่ยงคืน ชีวิตดีมั้ยล่ะครับ
คิดว่าใช่ คิดว่าโดน ทักทายกันมาครับ ที่ 090-959-6656
หรือ Inbox FB : bit.ly/inbox_post_jib
หรือ Add line@ : bit.ly/addline_post_jib
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.commerzy.com
Leave a Comment